top of page

เจาะลึก Digital transformation คืออะไร? และตัวอย่างธุรกิจที่ต้องรู้



ในยุคที่ดิจิทัลกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ และภาคเอกชนต่างได้รับประโยชน์จากดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในการใช้บริการมากขึ้น รวมไปถึงการทำธุรกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล มีบทบาทสำคัญที่เข้ามาทำให้ธุรกิจเติบโต โดยช่วยผู้ประกอบการสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต ด้วยนวัตกรรมหรือแนวคิดการทำงานรูปแบบใหม่จะช่วยยกระดับองค์กรให้มีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนของการทำงานได้ ผ่าน Digital transformation หรือการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาขั้นตอนการทำงานให้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งผลลัพธ์ในการทำ Digital Transformation กับองค์กรจะสามารถช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และก้าวทันการแข่งขันในอุตสาหกรรมได้


ในบทความนี้เราจะพาผู้อ่านมารู้จักว่า Digital Transformation คืออะไร แล้วมีอะไรบ้าง รวมไปถึง Digital transformation ตัวอย่างธุรกิจที่จะมาช่วยไขข้อสงสัยเพื่อปรับปรุงธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ


Digital transformation คืออะไร?

Digital transformation คือ การปรับเปลี่ยนวิธีคิด ขั้นตอนการทำงาน วิธีการนำเสนอสินค้าหรือบริการไปสู่การเป็นดิจิทัลอย่างครอบคลุมทั้งองค์กร โดยศึกษาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์ต่อองค์กร อาทิ การใช้ Cloud Technology หรือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แล้วนำมาประยุกต์เข้ากับการทำงาน รวมไปถึงการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรองรับดิจิทัลรูปแบบใหม่ กระบวนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเปลี่ยนแปลงด้านการดำเนินธุรกิจจะช่วยตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด เสริมสร้างความมั่นคงขององค์กร และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล



Digital transformation มีอะไรบ้าง

ตอนนี้ผู้อ่านน่าจะเข้าใจแล้วว่า Digital transformation คืออะไร ในหัวข้อนี้เราจะพาผู้อ่านมาดูกันว่า Digital transformation มีอะไรบ้าง


ที่ผ่านมามีการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นด้านการเก็บข้อมูล การใช้เทคโนโลยีเอไอ คลาวด์เทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติ และอื่นๆ ทำให้องค์กรต่างๆ ประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำมากขึ้น โดย Digital transformation ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมีดังนี้


ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI)

หลายๆ องค์กรได้นำซอฟต์แวร์ AI เข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานของธุรกิจ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร และลดความซับซ้อน โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยยกระดับทักษะของพนักงานในหลายๆ แผนก อาทิ ทีมการตลาด นำ AI มาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างทันสมัยและเหมาะสม หรือ ทีมกราฟฟิกใช้ช่วยกำหนดภาพการโปรโมทแบบคร่าวๆ เพื่อสร้างสรรค์ของผลงานที่ตรงกับคอนเซ็ปต์มากยิ่งขึ้น เป็นต้น


บริษัท Pepsi ได้รายงานว่า การลงทุน AI เป็นเรื่องที่สำคัญลำดับต้นๆ สำหรับองค์กร เขาได้ยกตัวอย่างว่า เขาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเลย์ ผลิตถัณฑ์อาหารของเขาได้ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราห์ว่าเวลาใดคือเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มปลูกมันฝรั่ง หรือพวกเขาควรจะจัดวางขายเลย์กี่ห่อบนชั้นวางจึงจะเหมาะสม  ไปจนถึง ใช้ AI เพื่อปรับปรุงกระบวนการ ส่งของ และรับมอบสินค้า


การรวมระบบคลาวด์ หรือคลาวด์เทคโนโลยี (Cloud Technology)

การจัดการดูแลข้อมูลขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูล แหล่งทรัพยากรต่างๆ หรือแอปพลิเคชั่นที่จำเป็นได้ง่ายมากขึ้น ระบบคลาวด์จะเข้ามาช่วยจัดระเบียบแหล่งทรัพยากรได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการขององค์กร อาทิ การเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล การจัดการเข้าถึงของข้อมูลแบบสาธารณะหรือแบบส่วนตัวตามที่บริษัทกำหนด เพื่อการทำงานที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างไร้รอยต่อ อีกทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกสบาย จากที่ไหน เวลาใดก็ได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต การใช้ระบบคลาวด์ นอกจากจะช่วยให้องค์กรสามารถทำงานร่วมกันอย่างเป็นอิสระมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนอีกด้วยเนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อฮาร์ดแวร์เพื่อการจัดเก็บข้อมูลเหมือนเช่นเคย 


ระบบอัตโนมัติด้วยซอฟต์แวร์ (Robotic Process Automation - RPA)

การทำงานที่ซ้ำซ้อนอาจทำให้เสียเวลาในการทำงาน การนำระบบ RPA เข้ามาใช้แทนที่กระบวนการทำงานที่มีขั้นตอนชัดเจน โดยระบบอัตโนมัติจะคอยบันทึกขั้นตอนการทำงานซ้ำๆ เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์อาทิ การส่งอีเมล์อัตโนมัติ หรือการโต้ตอบกลับรายละเอียดเบื้องต้นของแบรนด์กับลูกค้า ระบบอัตโนมัติจะช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งทำให้ลูกค้าสามารถได้รับบริการแบบ real-time ในทันที


การทำงานที่คล่องตัว (Agile Working)

เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น การทำงานแบบคล่องตัวจะช่วยผลักดันองค์กรให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้อย่างเหมาะสม  โดยเน้นการทำงานร่วมกันและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาผสานเข้ากับขั้นตอนการทำงาน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความสามารถอย่างเปิดกว้าง ทำงานแบบพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ การตอบสนองที่รวดเร็วในภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจและเทคโนโลยี จะช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดและเพิ่มระดับความสามารถขององค์กรได้ ทำให้ก้าวสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จได้อย่างมีคุณภาพ


ข้อมูลความเป็นส่วนตัวและความเชื่อใจ (Consumer Data Privacy and Security)

ยุคแห่งโลกดิจิทัล ข้อมูลส่วนตัวคือสิ่งที่สามารถนำไปแสวงหากำไรได้ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ หรือข้อมูลบัตรเครดิต ทุกครั้งที่ลูกค้าให้ข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้นมา เช่น ข้อมูลการสร้างบัญชี พวกเขามักจะกังวลกับการถูกนำไปเผยแพร่และนำข้อมูลไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง องค์กรจึงต้องมีการแจ้งวัตถุประสงค์ของข้อมูลแต่ละอย่างว่า ถูกบันทึกไปใช้เพื่ออะไรอย่างโปร่งใสและชัดเจน เพื่อสร้างความไว้ใจแก่ลูกค้า การให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวคือสิ่งที่สามารถสร้างความพึงพอใจกับลูกค้าและทำให้เขารู้สึกปลอดภัย


จากการเก็บสถิติของ SAS จากลูกค้าออนไลน์พบว่า 73% ของผู้บริโภคจะกังวลกับข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเป็นพิเศษมากกว่าปีที่ผ่านมา และ 64% ของผู้บริโภครู้สึกว่าข้อมูลของพวกเขาไม่ได้รับความปลอดภัยเท่าที่เคย อีกทั้งการวิจัยจาก Adobe ยังเปิดเผยว่า ลูกค้าเกินกว่าครึ่งเลิกซื้อสินค้ากับแบรนด์ที่ประมาทและไม่ใส่ใจในการปกป้องดูแลข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา เนื่องจากความไว้ใจต่อแบรนด์ของพวกเขาถูกทำลายลง


Digital transformation ขั้นตอนเป็นอย่างไร

ผู้อ่านคงทราบแล้วว่า Digital transformation คืออะไร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ถัดมาในหัวข้อนี้เราจะพาผู้อ่านมาดูว่าการพัฒนาองค์กรด้วย Digital transformation มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง


วางแผนและตั้งเป้าหมาย

ขั้นตอนที่สำคัญในการดำเนินการอย่างแรก คือการวางแผนเพื่อกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อระบุผลลัพธ์ที่ต้องการจะบรรลุในการทำ Digital transformation ในครั้งนี้ โดยผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นจากการนำพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้ามาวิเคราะห์ว่า ส่วนใดสามารถปรับปรุงได้ รวมถึงลองมองหาความซับซ้อนของขั้นตอนการทำงานว่า กระบวนการไหนที่ต้องมีการพัฒนาหรือเรียนรู้เพิ่มเติม


ปรับใช้เทคโนโลยีกับการทำงาน

หลังจากที่ได้เป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว องค์กรอาจจะต้องลงทุน เริ่มต้นนำเอาเทคโนโลยีที่จำเป็นเข้ามาปรับใช้กับขั้นตอนการทำงาน พิจารณานำเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ โดยถ้าหากองค์กรกำลังเผชิญปัญหากับการบริลูกค้า หรือยอดซื้อที่ลดลง อาจพิจารณาให้ AI เข้ามาช่วยคิดแคมเปญโปรโมท เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า และตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป


เตรียมความพร้อมคนและองค์กรผ่านวัฒนธรรม

Digital transformation ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่บุคลากรในองค์กรคือส่วนสำคัญที่จะช่วยบูรณาการปรับปรุงให้ผลลัพธ์ของการทำงานออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น การมีวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทดลองใช้ โดยผลักดันการเรียนรู้ที่จำเป็น เปิดโอกาสกับแนวคิดที่ทันสมัย จะช่วยให้องค์กรพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้


ประเมินและการปรับปรุงแผน

หลังจากที่ได้ผลลัพธ์การทดลองใช้เทคโนโลยีเรียบร้อยแล้ว การปรับปรุงคือขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำให้ Digital transformation ขององค์กรสมบูรณ์ โดยองค์กรต้องตรวจสอบการดำเนินการของเทคโนโลยี ประเมิณว่ามีการทำงานตรงกับเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่  ความคุ้มค่าของการลงทุนนั้นๆ กับผลลัพธ์ที่ได้ หรือศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถลดต้นทุน และเข้ามาช่วยเติมเต็มให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด


Digital transformation ประโยชน์

ผู้อ่านคงพอเข้าใจแล้วว่า Digital transformation คืออะไร ประกอบไปด้วยอะไร และขั้นเป็นอย่างไร ต่อมาเราจะพาผู้อ่านมาดูว่าการทำ Digital transformation จะสร้างผลประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไรบ้าง

โลกที่หมุนอยู่ในปัจจุบันมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกอบการจึงต้องคอยปรับตัวและ สนับสนุนเทคโนโลยีต่างๆ ภายในองค์กรอยูเสมอ เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่ง กระบวนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนแปลงด้านการดำเนินธุรกิจเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ดังนี้


ยกระดับธุรกิจสู่ดิจิทัล

การทำ Digital transformation จะช่วยพัฒนาธุรกิจให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพ โดยปรับวิธีคิดและวิธีการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีมากขึ้น การปรับองค์กรให้เปิดรับเทคโนโลยีส่งผลให้ความซับซ้อนของขั้นตอนการทำงานลดลง ถือเป็นตัวช่วยกำหนดเส้นทางธุรกิจ จากการปรับใช้ดิจิทัลเข้ากับการทำงานและมีการวางแผนที่ชัดเจน เพื่อสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งและไม่หวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล


ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบ on-demand

ยุคที่โลกกำลังขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างๆ ก็กำลังใช้เทคโนโลยีมาประสานเข้ากับการทำงาน ทำให้ลูกค้าต่างมีความต้องการและคาดหวังให้ธุรกิจบริการด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวก การทำ Digital transformation จึงช่วยให้องค์กรเพิ่มความพึงพอใจแก่ลูกค้า โดยสามารถปรับตามความต้องการของลูกค้าตามที่พวกเขาคาดหวังไว้ เพื่อช่วยทำให้การซื้อสินค้าและบริการเป็นเรื่องง่าย เช่น เมื่อลูกค้าต้องการซื้อสินค้าแบบออนไลน์ ผู้ประกอบการก็ควรที่จะสร้างเซิฟเวอร์หรือเว็บไซต์ที่สามารถใช้บริการได้ที่ไหน เวลาไหนก็ได้


ลดเวลาเพิ่มคุณภาพ

เวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง การทำ Digital transformation ผ่านระบบ AI หรือ ระบบอัตโนมัติด้วยซอฟแวร์ เป็นต้น เทคโนยีที่ทันสมัย จะช่วยลดเวลาของขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและสามารถทำให้บริษัทสามารถออกฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองลูกค้าได้ อาทิ ระบบการวิเคราะห์เชิงลึกของลูกค้า เพื่อทำให้เข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจาก AI จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้น


สร้างโอกาสต่อการเกิดนวัตกรรมใหม่

การปรับการทำงานให้เป็น Digital transformation จะกระตุ้นบริษัทต่างๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรมให้สร้างผลิตภัณฑ์ หรือ บริการรูปแบบใหม่ โดยเทคโนโลยีจะช่วยพนักงานออกไอเดียหรือ โมเดลธุรกิจแบบที่บริษัทไม่เคยมีมาก่อน อาทิ แบรนด์ขายของออนไลน์ใช้นวัตกรรมแจ้งเลขพัสดุอัตโนมัติ ช่วยให้ลูกค้าทราบถึงสถานะพัสดุของตัวเองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นวัตกรรมแบบใหม่ช่วยสร้างความประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้า


Digital transformation ตัวอย่างธุรกิจ

ผู้อ่านน่าจะเห็นภาพแล้วว่า Digital transformation คืออะไร สร้างอย่างไร เป็นประโยชน์ต่อองค์กรในด้านไหน และ Digital transformation มีอะไรบ้าง ในบทนี้เราขอนำผู้อ่านมาศึกษา Digital transformation ตัวอย่างธุรกิจจาก Netflix กัน


ธุรกิจสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มชื่อดัง อย่าง Netflix แอพพลิเคชั่นสำหรับการชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการวาไรตี้และอื่นๆ อีกมากมาย โดยผู้ชมสามารถรับชมจากสถานที่ไหน เวลาใดก็ได้ผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งจริงๆ แล้วในอดีตของแบรนด์นี้ได้เริ่มธุรกิจจากการให้เช่าวิดีโอภาพยนตร์ในอเมริกา และผ่านการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องมาเป็นระบบสมัครสามาชิก ซึ่งในปีที่ผ่านมา 2566 Netflix สามารถทำรายได้ถึง 33.7 พันล้านดอลลาร์ จากผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านรายทั่วโลก โดยการผสานธุรกิจภาพยนตร์เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล ของ Netflix มีดังนี้


อัลกอริทึมการแนะนำแบบบุคคล (Recommendation algorithm)

ข้อมูลคอนเทนต์ที่หลากหลายอาจทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจในการเลือกชม Netflix ได้อย่างยากลำบาก Netflix จึงนำเสนอเทคโนโลยีที่ใช้ในการวิเคราะห์และการจัดระเบียบเนื้อหา หรือ อัลกอริทึมการแนะนำ สร้างรายการแนะนำแบบพิเศษเฉพาะบุคคล โดยอัลกอริทึมนี้ใช้ข้อมูลเมตาเพื่อจัดหมวดหมู่ภาพยนตร์ตามประเภทที่เกี่ยวข้องกัน หรือตามความชอบของผู้ใช้งาน จากนั้นจะแบ่งกลุ่มผู้ใช้เป็นสองกลุ่มหรือมากกว่านั้น เพื่อทดลองใช้อัลกอริทึมที่แตกต่างกัน และวัดระดับประสิทธิภาพของอัลกิริทึมที่ทดลองใช้ รวมถึงปรับปรุง เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของผู้ชม


การทำงานแบบคล่องตัว (Agile working)

การทำงานแบบคล่องตัวของ Netflix มีการทดลองทำการตลาดแบบทันสมัยพร้อมกับนำอุปสรรคของผู้ใช้ที่พบเจอมาปรับปรุง พวกเขาได้รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน รวมถึงศึกษาปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ จากนั้นจะแบ่งกลุ่มของลูกค้าเพื่อวิเคราะห์และกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์แบบเฉพาะเจาะจงในแต่ละกลุ่ม จากนั้นจะส่งอีเมลรายการแนะนำที่ผ่านการปรับปรุงตามพฤติกรรมการรับชม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปไดอย่างเหมาะสม


การจัดเก็บข้อมูล (Cloud computing)

Netflix ใช้ระบบการประมวลผลแบบคลาวด์เพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดเก็บข้อมูล เนื่องจากบริษัทจำเป็นต้องเก็บข้อมูลเนื้อหาประเภทต่างๆ จำนวนมหาศาล การเปลี่ยนพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นระบบ Cloud ทำให้ Netflix มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลอย่างไม่จำกัด อีกทั้งการเก็บข้อมูลเนื้อหาในรูปแบบออนไลน์ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดชมภาพยนตร์ได้ทุกที่ ทุกเวลา บนอุปกรณ์ใดก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพิ่มความสะดวกสบายให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้เพิ่มขึ้น และมอบคุณภาพของเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ใช้


แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง (Streaming Platform)

ในอดีต Netflix ให้บริการเช่าวิดีโอผ่านการส่งไปรษณีย์ และได้พัฒนาการบริการอย่างทันสมัยผ่านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง โดยให้บริการสมัครสมาชิกผ่านแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ โดยให้เลือกตามแพ็คเกจความต้องการ และมีคอนเทนต์ให้รับชมทั้ง ภาพยนตร์, ซีรีส์, รายการทีวี, สารคดี, และอื่นๆ ได้ทันทีด้วยความคมชัดโดยไม่จำเป็นต้องรอดาวน์โหลด ซึ่งสามารถเลือกชมจากอุปกรณ์ใดก็ได้ การพัฒนาการรับชมรูปแบบใหม่ส่งผลให้วิธีการบริการภาพยนตร์อื่นๆ แบบดั้งเดิมเกิดการหยุดชะงัก สะท้อนให้เห็นว่าการปรับปรุงธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยยกระดับธุรกิจและตอบสนองลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีคุณภาพ


การพัฒนารูปแบบการรับชมภาพยนตร์ที่ทันสมัย ด้วยการทำงานแบบคล่องตัว มีการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อมอบรายการแนะนำพิเศษ ช่วยทำให้ Netflix สามารถรับมือกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคของดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร


สรุป

Digital transformation คือ การปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างครอบคลุมทั้งองค์กร เป็นตัวช่วยที่จะสร้างโอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ของธุรกิจ ทำให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยกระดับคุณภาพของธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อให้องค์กรพร้อมที่จะแข่งขันได้ต่อไป


ที่มา:

Digital transformation คืออะไร มีอะไรบ้าง:

ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า: https://www.veritis.com/blog/10-key-digital-transformation-trends-2024/

Overview และ รายได้ Netflix: https://fourweekmba.com/how-does-netflix-make-money/

bottom of page